GoDaddy วิธีใช้

แก้ไขข้อผิดพลาดในการสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูลใน WordPress

หมายเหตุ: บทความนี้อธิบายขั้นตอนการแก้ไขข้อผิดพลาดในการสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูล หากคุณไม่แน่ใจว่าข้อผิดพลาดใดที่ทำให้เกิดปัญหาบนเว็บไซต์ โปรดอ่านบทความเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของ WordPress ที่พบบ่อย พร้อมด้วยวิธีแก้ปัญหาที่แนะนำ

เว็บไซต์ WordPress ของคุณต้องเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง WordPress ใช้สตริงการเชื่อมต่อที่จัดเก็บไว้ในไฟล์ wp-config.php เพื่อพยายามทำการเชื่อมต่อฐานข้อมูล หากไม่สามารถทำการเชื่อมต่อได้ คุณจะเห็นการแจ้งเตือนข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อฐานข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณ วิธีแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ซึ่งใช้บ่อยที่สุดก็คือการอัพเดตสตริงการเชื่อมต่อในไฟล์ wp-config.php

หมายเหตุ: การแก้ไขข้อผิดพลาดการสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูลจะต้องใช้วิธีแก้ปัญหาขั้นสูง ซึ่งประกอบด้วยการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ การขอข้อมูลประจำตัวฐานข้อมูลและคำนำหน้า รวมทั้งการแก้ไขไฟล์ wp-config.php หากต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญของ GoDaddy ช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้คุณ ทีมสนับสนุน WordPress Premium ของเราพร้อมให้บริการ

จำเป็น: คุณจะต้องแก้ไขรายละเอียดฐานข้อมูลให้ถูกต้องเพื่อทำขั้นตอนทั้งหมดในบทความนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ รายละเอียดฐานข้อมูลจะแตกต่างจากข้อมูลล็อกอิน WordPress และต่อไปนี้คือวิธีหาข้อมูลดังกล่าวสำหรับแผนโฮสติ้งต่างๆ:
Managed WordPress

ทำตามขั้นตอน 1-4 จากบทความนี้ และในขั้นตอน 5 ถัดจากรายละเอียดฐานข้อมูล ให้เลือกดู (แทนที่จะเลือกเปิด phpMyAdmin) แล้วคัดลอกรายละเอียดไปยังโปรแกรมแก้ไขข้อความที่ต้องการ ชื่อฐานข้อมูลจะเหมือนกับชื่อผู้ใช้ฐานข้อมูล และคุณควรคัดลอกหมายเลขพอร์ตด้วย

โฮสติ้งสำหรับ Linux พร้อม cPanel

ทำตามขั้นตอนต่างๆ จากบทความนี้เพื่อรับชื่อฐานข้อมูลและชื่อผู้ใช้ใน cPanel ระบบจะไม่แสดงรหัสผ่านเนื่องด้วยเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นนี่คือวิธีรีเซ็ตรหัสผ่านของฐานข้อมูล สำหรับชื่อโฮสต์ คุณควรใช้ localhost เสมอ

โฮสติ้งสำหรับ Windows พร้อม Plesk

ทำตามขั้นตอนต่างๆ จากบทความนี้เพื่อรับชื่อฐานข้อมูล ชื่อผู้ใช้ และชื่อโฮสต์ใน Plesk ระบบจะไม่แสดงรหัสผ่านเนื่องด้วยเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นนี่คือวิธีรีเซ็ตรหัสผ่านของฐานข้อมูล

  1. ลงชื่อเข้าใช้ phpMyAdmin
  2. ใน phpMyAdmin ให้เลือกชื่อฐานข้อมูลที่เว็บไซต์ใช้จากเมนูทางซ้ายมือ
  3. จดคำนำหน้าฐานข้อมูลไว้ คำนำหน้าฐานข้อมูลจะรวมอยู่กับชื่อตาราง (ตัวอย่าง ถ้าคุณเห็นตารางฐานข้อมูลต่อไปนี้: wp_3f_options, wp_3f_ posts, wp_3f_postmeta ฯลฯ คำนำหน้าฐานข้อมูลของคุณคือ wp_3f_)
  4. เชื่อมต่อบัญชีโฮสติ้งของคุณกับส่วนจัดการไฟล์
  5. ค้นหาและเปิดโฟลเดอร์ที่มีเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
  6. ในไฟล์ wp-config.php ให้ค้นหาส่วนที่มีลักษณะคล้ายกับตัวอย่างนี้:
    /** The name of the database for WordPress */
    define('DB_NAME', 'yourdatabasename');
    /** MySQL database username */
    define('DB_USER', 'yourusername');
    /** MySQL database password */
    define('DB_PASSWORD', 'yourpassword');
    /** MySQL hostname */
    define('DB_HOST', 'yourhostname');
    
    $table_prefix  = 'yourtableprefix';
  7. ตรวจดูว่าข้อมูลในไฟล์นี้ตรงกับรายละเอียดของฐานข้อมูลในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องซึ่งคุณได้รับก่อนหน้านี้หรือไม่
  8. หากมีข้อมูลใดในไฟล์ wp-config.php ไม่ตรงกับรายละเอียดของฐานข้อมูล ให้อัพเดตไฟล์ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง โปรดแทนที่เฉพาะสตริงภายในอะพอสทรอฟี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ คุณควรแทนที่สิ่งต่อไปในตัวอย่างด้านบน
    • แทนที่ yourdatabasename ด้วยชื่อฐานข้อมูล MySQL ที่ถูกต้อง
    • แทนที่ yourusername ด้วยชื่อผู้ใช้ MySQL ที่ถูกต้อง
    • แทนที่ yourpassword ด้วยรหัสผ่าน MySQL ที่ถูกต้อง
    • แทนที่ yourhostname ด้วยชื่อโฮสต์ MySQL ที่ถูกต้อง
    • หมายเหตุ: หากเว็บไซต์ของคุณได้รับการโฮสต์ไว้ใน Managed WordPress แถวที่มีชื่อโฮสต์ควรมีโครงสร้างดังต่อไปนี้: define('DB_HOST', 'yourhostname:portnumber'); คุณควรแทนที่ yourhostname ด้วยชื่อโฮสต์ MySQL ที่ถูกต้องและแทนที่ portnumber ด้วยหมายเลขพอร์ตที่ถูกต้อง

    • แทนที่ yourtableprefix ด้วยคำนำหน้าตารางที่ถูกต้อง
  9. บันทึกไฟล์ wp-config.php ที่อัพเดต
  10. ตรวจสอบว่าไซต์ของคุณกลับมาออนไลน์แล้ว โดยไปที่ไซต์ด้วยโหมดการเรียกดูแบบส่วนตัวใน Chrome, Firefox หรือ Edge

ข้อมูลเพิ่มเติม